Woojin Addict #นยองจิน

Title : Woojin Addict

Couple : #นยองจิน Jinyoung x Woojin

Rate : nc – 17 (ถูกแล้วเนาะเรทนี้)

Note : ยินดีต้อนรับเข้าสู่คุกค่ะ .__. ปล.เนื้อหาค่อนข้างรุนแรงนิดหน่อย ทำใจดีๆเด้อค่า

 

 

 

เสียงครางฮือดังก้องไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังชวนให้สยิว เปลือกตาเนียนหลับพริ้ม ริมฝีปากแดงที่เคลือบไปด้วยน้ำลายจากการจูบอย่างดูดดื่มเผยอขึ้น

แบจินยองสูดปาก สาวสะโพกรัวเร็วอย่างคนใกล้ถึงฝั่งฝัน ตาก็จ้องมองร่างที่นอนอยู่ข้างใต้ เลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะร้องครางออกมาเมื่อถึงฝั่งฝัน

มือหนายกขึ้นกดสเปซบาร์เพื่อหยุดวิดีโอจากจอกว้างทั้งๆที่ยังทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยหอบ ยกมือขึ้นเสยผมที่ชื่นเหงื่อ นั่งหมดแรงหอบหายใจได้ไม่นานก็ขยับตัวนั่งตรง หยิบเซ็กส์ทอยที่เขาเรียกกันว่าจิ๋มกระป๋องออกจากแก่นกาย ก่อนจะโยนไปที่ไหนสักที่ในมุมห้อง ยืดตัวหยิบทิชชู่ที่วางไว้ข้างตัวข้างหน้า นำเจ้าแผ่นกระดาษสีขาวมาเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย

พัคอูจินเร้าใจเป็นบ้า สงสัยเขาต้องไปขอคลิปจากไอ้จีฮุนมาเพิ่มอีกแล้ว

เสียงพูดคุยของเด็กนักเรียนดังโหวกเหวกโวยวายตามประสาโรงเรียนชายล้วน แบจินยองเดินล้วงกระเป๋าผิวปากเข้าห้องเรียนมาด้วยความอารมณ์ดี เดินตรงมาที่โต๊ะประจำ ยกมือข้างขวาออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วนำมือนั่นไปปะทะกับศีรษะของเพื่อนสนิทที่นั่งคุยกับเพื่อนในกลุ่มอย่างออกรส

“ไอ้สัดจินยอง” คนโดนด่าหัวเราะร่า ทิ้งตัวลงข้างๆเพื่อน

“คุยไรกันวะ คุยด้วย” เขาไม่เอ่ยตอบจีฮุน แต่กลับทักคนอื่นๆที่นั่งด้วยกันแทน

“เรื่องไอ้เนิร์ดน่ะ เห็นไอ้จีฮุนมันได้คลิปใหม่มา เร้าอารมณ์เป็นบ้า” ไอ้แดเนียลพูดพลางทำหน้าตาหื่นกามตามประสาของมัน แต่นั่นไม่ทำให้จินยองสนใจเท่าเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกว่าคลิปใหม่

ใช่ ไอ้เนิร์ดคือคำเรียกชื่อพัคอูจินของพวกเขา

เด็กนักเรียนทุนยากจน ใส่แว่นหนาเตอะ แต่งตัวถูกระเบียบ นั่งเรียนคนเดียวที่ที่นั่งกลางห้อง ไม่คุยกับใครใดๆทั้งสิ้น

แต่นั่นก็แค่ตอนอยู่ในห้องเรียนน่ะนะ

“มึงไปเอามาจากไหน” หันไปถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้จีฮุนมันมองซ้ายมองขวา กวักมือเรียกให้เขยิบเข้าไปใกล้

“อาจารย์ยองมินส่งให้กู” มันกระซิบก่อนจะผละตัวออก

“เข้ เดี๋ยวนี้เล่นถึงอาจารย์แล้วว่ะ ก็ว่าทำไมคุ้นๆ” ไอ้แดเนียลมันพูดพลางหัวเราหึ ก่อนจะเงียบลงไปเพราะสายตาไปสบกับใครบางคนที่เข้ามาใหม่ จินยองหันไปมอง ก่อนจะร้องอ้อออกมาเบาๆ

ห้องทั้งห้องเงียบสงัดลง เหลือไว้แต่เพียงเสียงรองเท้าผ้าใบคู่สวยที่กระทบกับพื้นดังตึกตึก ร่างเล็กที่เข้ามาใหม่วันนี้ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าน่ารักที่มักจะเร้าอารมณ์บนเตียงที่ปกติจะมีแว่นหนาเตอะกลับไม่มี ผมสีดำสนิทที่ทุกทีจะหวีจนเรียบกลับชี้ฟูขึ้น เสื้อผ้าที่เคยเนี๊ยบกลับหลุดลุ่ยดูไม่ได้

แปลกตาดี แต่นั่นแหละ เร้าอารมณ์เป็นบ้า

เสียงที่เงียบลงกลับมาดังฮืออีกครั้งเมื่อมีคนเดินตามเข้ามาด้วยสภาพไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ จินยองละสายตาจากร่างเล็กไปมองคนมาใหม่ก่อนจะหันกลับมาทางเดิม และก็พบกับใบหน้าบูดบึ้งเป็นหมาโดนแย่งกระดูกของคังแดเนียล

“เป็นอะไร”

“ไอ้ควานลินได้แดกอีกละ กูเบื่อ” เขาหัวเราะ “อย่าให้กูรวยบ้างนะ” ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนที่หน้าเหมือนหมาพลางสายหัวเบาๆ

“มึงอย่าบ่นไป ทุกวันนี้กูยังต้องดูคลิปช่วยตัวเองอยู่เลย”

“น่าสงสารจังวะเพื่อนกู”

ถ้าให้พูดชื่อของพัคอูจินในโรงเรียนทุกคนก็จะร้องอ๋อออกมาเหมือนนัดกันไว้

พัคอูจิน..ที่ขายตัวในโรงเรียน

ในเวลาเย็นที่นักเรียนต่างกลับบ้านไม่ก็ไปอยู่ห้องสมุดกันจนหมด

หน่วยตากลมดุมองจ้องร่างเล็กผิวสีคาราเมลที่กำลังเดินก้มหน้าสวนออกมาจากห้องน้ำ จินยองหันกลับไปมองด้านใน ก่อนจะหันหลังกลับไปจับข้อมือเล็กของอีกคนที่เดินไปได้ไม่ไกลเมื่อพบว่าข้างในห้องน้ำไม่มีใครอยู่ พัคอูจินเงยหน้ามามองเขาอย่างงงๆ นัยน์ตาเรียวดุนั่นฉายแววสงสัย

และนั่นทำให้จินยองประหม่า

ให้ตาย เขาพึ่งเคยอยู่กันสองต่อสองกับพัคอูจินเป็นครั้งแรก

“มี..อะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มแหบนั่นดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะเอียงคอมองหน้าเขาด้วยความสงสัย

“คือ”

“หือ?”

“เลิกเรียนแล้ว..ไปไหนต่อรึเปล่า?”

“อ่า” อูจินร้องเบาๆ “ไม่นะ”

“งั้น–”

“เข้าไปสิ” พูดไม่ทันจบประโยคดีอีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้นมา

“หา?”

“เข้าไปในห้องน้ำน่ะ เดี๋ยวแม่บ้านก็มาล็อกตึกพอดี”

“แต่ฉันไม่มีเงิน”

“ไม่เป็นไร” อา..ให้ตาย ตื่นเต้นชะมัด

 

เขาออกแรงเหวี่ยงร่างผอมบางให้เข้าไปด้านใน ปิดประตูใหญ่ของห้องน้ำ ก่อนจะเดินต้อนให้อีกคนไปชิดกับขอบอ่างน้ำล้างหน้า ออกแรงยกตัวอีกคนขึ้น ก่อนจะเท้ามือที่สั่นเล็กน้อยลงไป

“ตื่นเต้นหรอ?” พัคอูจินเอียงคอถาม

“นิดหน่อย”

“ฮะๆ” เขาขมวดคิ้วเมื่อ อีกฝ่ายหัวเราะออกมา “ทำอย่างที่นายอยากจะทำนั่นแหละ”

จบประโยค คนที่ชำนาญกว่าก็กดริมฝีปากลงมาทันที ริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นบดคลึง ดูดดึงอย่างเย้ายวนก่อนจะสอกลิ้นเข้ามา เกี่ยวหวัดลิ้นของเขา ก่อนจะหลอกล่อให้เขาไล่ลิ้นตามอีกคนไป

มือที่เท้ากับขอบอ่างบกขึ้นมาลูบไล้แผ่นหลังบางเลื่อนไปจนถึงต้นคอเนียน ออกแรงกดให้ลงแนบชิด ก่อนจะสอดลิ้นรุกอีกคนบ้าง

บดจูบกันเนิ่นนานอย่างไม่มีใครยอมใครจนคนเริ่มต้องผละตัวออก พัคอูจินหอฮัก เอนตัวลงชิดกับกระจกบานใหญ่ ปรือตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาขึ้นมอง

เขาปลดกระดุมเสื้อของอีกคนออก ก่อนจะแหวกเสื้อให้แยกจากกัน ลากนิ้วมือจากหน้าอกไล้ลงมาจนถึงหน้าท้องที่หดเกร็งจนเห็นมัดกล้ามชัด รอยรักจางๆที่อยู่เหนือขอบกางเกงนั่นเซ็กซี่เป็นบ้า

แบจินยองเองก็เริ่มจะนับไม่ถูกว่าเขาสบถคำว่าเป็นบ้าออกมากี่รอบแล้ว

ก้มลงจนริมฝีปากแนบชิดกับเนื้อเนียน ดูดดึงและขบเม้มสร้างรอยท่ามกลางเสียงครางฮือเบาๆ เขาจูบซับเนื้อเนียนจากบริเวณหน้าท้อง แลบลิ้นแหย่เข้าไปในแอ่งสะดือทำให้คนที่นั่งอยู่หวีดร้องขึ้นมา จากแอ่งสะดือสวยขึ้นไปที่ยอดอก แลบลิ้นเลีย ดูดดึงเหมือนลูกสุนัขดูดนมแม่ พัคอูจินแอ่นอก ยกมือขึ้นมาขยุ้มดึงทึ้งผมเขา ร้องครางเสียงดังจนกลัวมาใครต่อใครจะมาได้ยินเข้า

“ฮึก” เขาขยับตัวออก ส่วนอีกคนก็ร้องฮึกฮักเล็กน้อย

“มีถุงยางมั้ย?” เขาถาม

“ไม่ได้พกติดตัวมา”

“แล้วจะทำยังไง”

“ไม่ต้องใส่ก็ได้ ไม่เป็นไร ฉันตรวจโรคทุกเดือน” งั้นเขาก็จะไม่เกรงใจละนะ

 

กดเสียงครางต่ำในลำคอ สาวสะโพกใส่คนที่ยืนเกาะขอบอ่างด้วยแรงที่ไม่เบานัก มองจ้องร่างที่โยกไปมาตามแรงกระแทก พัคอูจินเงยเชิดหน้าขึ้น อ้าปากหอบคราง ก่อนจะหวีดร้องหนักกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายถอนตัวตนออก

“จิน..อึก จินยอง” แบจินยองจับอีกฝ่ายที่สบตาเขาผ่านกระจกให้มาหันมาเผชิญหน้า จับแขนให้โอบกอดรอบคอก่อนจะช้อนตัวอุ้มอีกฝ่ายขึ้นแล้วสอดใส่

จินยองสบถออกมาเมื่อเข้าก้าวเดิน ช่องทางร้อนแน่นนั่นตอดรัดเขา แขนเรียวโอบกอดคอแน่นขึ้น เสียงทุ้มหวานครางอยู่ข้างใบหู เขาเดินไปจนแผ่นหลังบางชนกับพนังเย็นเฉียบ ย่อขาเล็กน้อย กดตัวคนด้านบนให้กระแทกเข้าออกจนพัคอูจินร้องหวีดครางไม่หยุด เขาซุกหน้าลงกับซอกคอเนียน กดจูบแล้วแลบเลียเบาๆ ทำซ้ำๆจนขึ้นรอยไปสามสี่จุดก่อนจะผละออกมา

“อื้อ จะ–จินยอง อื้ม” กดจูบริมฝีปากอิ่มแดงที่อ้าคราง ขยับช่วงล่างสวนกับมือที่กดสะโพกอวบลงมา

ต้องขอบคุณตัวเองที่เล่นกำลังกาย ไม่งั้นเขาคงล้มตั้งแต่นาทีแรกแล้ว

“อึก ลึก จินยอง มันลึก” คนโดนกระทำผละออก ร้องติดๆขัดๆ สะบัดหน้าไปมา

“ลึกแล้วไม่ชอบรึไง”

“อ..ไอ้บ้า” เขาอมยิ้มก่อนจะหยุดขยับ จัดท่าให้อีกคนลงไปยืนขาสั่นกับพื้นส่วนตัวเองกับนั่งลงพิงกำแพง

“เมื่อยแล้ว ออนท็อปให้หน่อย”

“บ้านอยู่ไหน?” เอ่ยถามอีกคนที่กพลังสะพายกระเป๋า กว่าเราจะเสร็จกิจกรรมกันก็ชั่วโมงกว่า โชคดีที่แม่บ้านมาปิดห้องน้ำช้า ไม่งั้นอาจจะเจอช็อตเด็ดเข้าจนเป็นลม

“ถามทำไม”

“จะไปส่งไง”

“ไม่เป็นไร” อีกคนส่ายหน้าปฏิเสธ กระชับสายกระเป๋า ก้าวเดินไปทางประตูจนจินยองวิ่งตามไปแทบไม่ทัน เขาคว้าข้อมืออีกคนมาจับ

“จะไปส่ง”

“บอกว่าไม่–”

“นายขาสั่น”

“หะ..ห้ะ?”

“นายขาสั่นเพราะฉัน เพราะฉะนั้นต้องให้ฉันไปส่ง” พัคอูจินก้มหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา

“งั้นรบกวนด้วยนะ” ริมฝีปากแดงนั่นยกยิ้ม “จินยอง” ให้ตาย พัคอูจินยิ้มแล้วน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกัน

04/11/60 โอ้ย เราเขียนอะไรลงไปๆๆๆๆ ให้อภัยด้วยนะคะ ฮือ ฉลองอูจินบรรลุนิติภาวะย้อยหลังค่ะ ส่วนจินยองนั้น เจ๊าๆกันโน๊ะ (._.)

 

Toy (Y x Donghyun) #อดฮยos

title : Toy

couple : Y x Donghyun

rate : PG – 13

note : สั้นไปหน่อยเพราะไม่กล้าเขียนยาวค่ะ กลัวใจตัวเอง ;_;

 

ซองยุนแค่ชอบ ชอบเห็นคิมดงฮยอนร้องไห้

ผลั่ก!

เสียงของแผ่นหลังบางที่ถูกผลักอย่างแรงจนไปชนกับพนังของห้องเก็บของของโรงเรียนดังขึ้น ร่างเล็กของเจ้าของแผ่นหลังทรุดลงกับพื้นทันที ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูเบ้ออกมาด้วยความเจ็บ

“เมื่อกลางวันฉันนัดให้มาทำไมไม่มา?” เสียงทุ้มที่เกลียดแสนเกลียดดังขึ้นเหนือหัวก่อนจะตามมาด้วยเหงาดำที่ทาบทับ

“เป็นใบ้? พูดไม่ได้?” เจ้าของเสียงย่อตัวนั่งลง มือหนายกขึ้นแตะที่ปลายคางก่อนจะออกแรงบีบแล้วดันใบหน้าเล็กให้เงยขึ้นสบตา หน่วยตาคมจ้องมองกับนัยน์ตากลมใสที่เริ่มคลอไปด้วยน้ำตาด้วยความเจ็บ

“ฉันจะถามอีกรอบ เมื่อกลางวันทำไมไม่มาตามนัด?” ใบหน้าใสส่ายไปมาตามแรงบังคับจากมือหนา หยดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอจนแทบล้น “รู้ไหมฉันรอเธอนานแค่ไหนดงฮยอน?”

“ฮึก” น้ำตาหยดแรกไหลลงมาทันทีที่ปลายคางถูกบีบแรงขึ้นจนปวด

“ตอบสิ” เม้มปากแน่นไม่ยอมตอบกลับอีกคน ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนมองเห็นไม่ค่อยชัด

“จะไม่ตอบ?”

“..”

“งั้นก็เงียบให้มันได้ตลอดแล้วกัน” ไหล่เล็กถูกมืออีกข้างผลักชิดกับพนังห้อง ปลายคางถูกดันให้เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสจากอีกคน คนด้านบนประกบริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงจนเลือดออก บดขยี้สลับกับดูดดึงอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บไปหมด หยดน้ำใสไหลออกมาจากดวงตาไม่ขาดสาย มือสองข้างก็ยกขึ้นดันหน้าอกอีกคนไว้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรมากก็ตาม

“อื้อ!” ร้องท้วงออกมาเมื่อปลายคางถูกบีบบังคับให้อ้าปากออก เรียวลิ้นร้อนสอดเข้ามาด้านใน มือที่ยันหน้าอกค่อยๆกำเสื้อนักเรียนอีกคนแน่นจนยับ เปลือกตาบางปิดลงก่อนจะลืมขึ้นและปล่อยก้อนสะอื้นออกมาจนอีกคนผละออก

“ร้องไห้?”

“อึก”

“ดี ร้องเยอะๆ เพราะฉันชอบน้ำตาของเธอ”

“นายมันโรคจิตซองยูน” กัดฟันเอ่ยประโยคที่ยาวที่สุดที่ใช้คุยกับคนตรงหน้าออกมา คนโดนว่าโรคจิตทำหน้าอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะและยกยิ้มที่เขาเกลียดที่สุดออกมา รอยยิ้มที่ใครต่อใครก็เอ่ยบอกว่ามันสวยงามและน่าหลงไหล ㅡ เหอะ หลอกลวงทั้งนั้น เขาเกลียดรอยยิ้มนี่เป็นบ้า

“ปากดีจริงๆนะดงฮยอน” คนตรงหน้าพูดพลางดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม “อยู่บนเตียงก็ปากดีให้ได้แบบนี้แล้วกัน”

“อ่ะ” ร้องออกมาเมื่อถูกช้อนอุ้มจนตัวลอย พยายามดิ้นเพื่อให้อีกคนปล่อยลงแต่ก็ไม่เป็นผล

สุดท้ายแล้วเขามันก็เป็นแค่ของเล่น เป็นของเล่นของชเวซองยุน และเป็นของเล่นที่ไม่มีสิทธิต่อต้าน เพราะถ้ายิ่งต่อต้าน..เขาก็ยิ่งเจ็บปวด

 

END

จางจุนโยธา

title : จางจุนโยธา

couple : Lee Jangjun x Kim Donghyun

rate : PG –

note : เราไม่ได้วางไทม์ไลน์ไว้ตายตัวมันก็เลยจะออกมางงๆหน่อยๆนะคะ ขออภัยมา ณ ที่นี้ T_T

 

 

 

1.

 

เราเจอกันครั้งแรกตอนผมอยู่มอห้าและเขาอยู่มอสี่

 

ตอนนั้นผมไปเดินเล่นที่ห้างหลังเลิกเรียนกับเพื่อนในกลุ่ม จำได้แม่นว่าการเจอกันครั้งแรกของเราไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่นัก แต่ผมดันจำมันได้ขึ้นใจนี่สิ

 

เด็กผู้ชายกางเกงน้ำเงินที่ดูแค่สีกางเกงก็รู้ว่าต่างโรงเรียนกัน ใบหน้าน่ารักนั่นที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ขนาดตัวที่ไม่สูงแต่ก็ไม่ได้ดูเตี้ยแต่ก็เตี้ยที่สุดในกลุ่ม ร่างกายผอมๆที่ถ้าไปเดินในที่ที่ลมแรงๆน่าจะปลิวได้ง่ายๆ

 

ด้วยความที่ถูกใจตั้งแต่แรกเห็นเลยนึกคิดอยากจะแซ็ว แต่ใครจะไปคิดว่าตัวเล็กๆแบบนั้นจะต่อยเจ็บขนาดฟันเกือบโยก

 

“เธอๆ คนตรงกลางอ่ะ ขอเบอร์ได้ป่าว” เอ่ยแซ็วคนตัวเล็กที่เดินหัวเราะกับเพื่อนพลางผิวปาก เป้าหมายหยุดหัวเราะก่อนจะหันมามองงงๆ

 

“เบอร์รองเท้าหรอ”

 

“หมายถึงเบอร์โทรศัพท์”

 

“ตลกละ ชอบผู้หญิง” คนตัวเล็กร้องเหอะ ตอบกลับมาพลางหันไปสะกิดเพื่อนแล้วเอ่ยบอกให้รีบเดินเร็วๆ เขารีบสไลด์ตัวไปดัก เอียงคอมองคนตัวเล็กกว่ายิ้มๆก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้อีกคนกำหมัดแน่น

 

“ชอบผู้หญิงเหมือนกันแต่เธอน่ารักอ่ะอยากได้เป็นแฟน” และหลังจากนั้นแขนเล็กๆนั่นก็ประทานหมัดให้หนึ่งหมัดแบบจัดเต็ม ไม่มีใครตั้งตัวแม้กระทั่งตัวผมเอง แต่ดีที่เซไปแล้วเพื่อนรับทันไม่งั้นคงหัวฟาดพื้นเป็นผีเฝ้าห้าง

 

 

 

เราเจอกันครั้งที่สองตอนไปงานโอเพ่นเฮ้าส์ของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง

 

ถ้าจำไม่ผิดนับตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรกก็เกือบหกเดือน ผมเดินตรงไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่อยากเข้า กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ก่อนจะสะดุดกับใครบ้างคนที่ลืมไม่ลง

 

เขายังเหมือนเดิมแต่ที่แปลกตาหน่อยๆเพราะผมที่ยาวจนปิดตานั่นเพราะเป็นช่วงปิดเทอม

 

ผมหันไปบอกเพื่อนว่าจะไปห้องน้ำ ก่อนจะแยกตัวออกไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่คนเดียว

 

“ไง”

 

“เห้ย” คนโดนทักสะดุ้ง กระโดดถอยห่างไปหนึ่งก้าว ดวงตาตี่นั่นมองมาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

 

“ตกใจหรอ”

 

“เออ ก็มาเงียบๆอย่างกะผี”

 

“ผีอะไรจะหล่อแบบนี้” คนตัวเล็กเบ้หน้า ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมองตั้งแต่หัวยันเท้า

 

“มั่นหน้าเนาะ”

 

“ก็หล่อจริงอ่ะนะ”

 

“จะอ้วก”

 

“เราเจอกันสองครั้งแล้วนะ จะให้เบอร์ได้ยังอ่ะ”

 

“บอกว่าชอบผู้หญิง” คนตัวเล็กเริ่มพูดด้วยความหงุดหงิด

 

“ก็เราชอบเธอ”

 

“เห้ย อย่ามาจับ” คนตัวเล็กร้องโวยวายออกมาทันทีที่โดนเขาจับแขน ใบหน้าน่ารักนั่นบูดเบี้ยวด้วยความอารมณ์เสีย แขนเล็กก็บิดไปมาหวังจะให้แขนตัวเองหลุดออก

 

“เอะอะก็จะต่อยกันอย่างเดียวเลย”

 

“ยุ่ง”

 

“ถ้าเจอกันครั้งหน้าเธอจะต่อยเราอีกเราจะจูบเธอ”

 

“ฟ้าผ่าอ่ะดิ!”

 

“ไม่ลองไม่รู้” แกล้งก้มหน้าเข้าไปใกล้จนอีกคนต้องหดคอหนี

 

น่ารักจริงๆเลยนะ

 

 

 

เราเจอกันครั้งที่สามที่ร้านอาหารในห้าง

 

ตอนนั้นผมกำลังกินข้าวอยู่คนเดียว แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยรอคิวอยู่หน้าร้าน เลยบอกพนักงานว่าให้คนตัวเล็กคนนั้นมานั่งด้วย ซึ่งพนักงานก็ไม่อิดออด ยอมเดินไปเชิญคนตัวเล็กที่ดูงงๆให้มานั่งด้วย

 

“ไง ครั้งที่สามแล้วนะ” เอ่ยทักทันทีที่อีกคนหย่อนตัวลงนั่ง ใบหน้าน่ารักนั่นมุ่ยลงยิ่งกว่าเดิม ไม่ตอบอะไรกลับมาแต่หันไปสั่งอาหารแทน

 

“จะไม่ขอบใจหน่อยหรอที่ให้มานั่งด้วยอ่ะ”

 

“ขอบพระคุณนะครับ เป็นพระคุณม๊ากมาก” คนตัวเล็กพูดพลางยิ้มจนตาหยี ก่อนจะกลับไปทำหน้ามุ่ยเหมือนเดิมทันทีที่จบประโยค

 

ให้ตายเหอะ ยิ้มน่ารักเป็นบ้า

 

“จะให้เบอร์ได้ยังอ่ะ”

 

“ไม่”

 

“เราเจอกันสามครั้งแล้วนะ”

 

“แล้ว?”

 

“ให้เบอร์ได้แล้ว”

 

“เจอพนักงานร้านนี้มาเป็นสิบรอบแล้วยังไม่เคยให้เบอร์เลย”

 

“ไม่ใช่แบบนั้นดิ เราขอเบอร์เพราะเราชอบเธอไง”

 

“เพราะชอบไงเลยไม่ให้”

 

“ใจร้ายจัง” คนตัวเล็กไหวไหล่ ก่อนจะยิ้มออกมาทันทีที่อาหารมาเสริฟ ริมฝีปากเล็กแย้มยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะตักอาหารตรงหน้าเข้าปากด้วยความสุขจนคนแอบมองอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป

 

แชะ

 

เวร ลืมปิดเสียง

 

“แอบถ่ายอ๋อ?”

 

“เปล่า เซลฟี่ นี่ไง” เปลี่ยนกล้องเป็นกล้องหน้าด้วยความรวดเร็วก่อนจะหันกล้องไปให้อีกคนดู

 

“แล้วไป”

 

 

4.

 

เราเจอกันครั้งที่สี่ตอนไปทะเลหลังสอบปลายภาคเทอมแรกของมอหกเสร็จ

 

เขายังดูเหมือนเดิม เหมือนชาตินี้จะไม่โตแล้วด้วยซ้ำ ผมเอ่ยบอกกับเพื่อนทันทีที่มองเห็นอีกคนเดินเล่นอยู่ริมหาด ก่อนจะผละตัววิ่งตรงไปทันทีโดยที่เพื่อนยังนั่งสงสัยกันไม่หายว่าใครคือคนรู้จักของผม

 

“ไง” เอ่ยทักทันทีที่วิ่งจนมาถึงตัวอีกคน คนตัวเล็กหันมามองด้วยท่าทางตกใจ ก่อนจะเบ้หน้าออกมาทันทีที่รู้ว่าใครเรียก

 

“เจอกันครั้งที่สี่แล้วนะ”

 

“จะบอกว่าบังเอิญ?”

 

“พรหมลิขิตตังหาก”

 

“น้ำเน่าว่ะ” คนตัวเล็กกว่าทำหน้าปุเลี่ยน

 

“แล้วจะให้เบอร์ได้ยังอ่ะ?”

 

“ไม่”

 

“ใจร้ายจัง”

 

“เอาไอดีไลน์แทนได้ปะ?”

 

“หือ?” ร้องออกมาด้วยความงง ตาก็มองจ้องคนตัวเล็กที่แกล้งตีหน้ามึนแต่แก้มสองข้างกลับแดงปลั่งจนเห็นได้ชัด

 

ใจเต้นเลย โคตรน่ารัก

 

“จะเอามั้ย?”

 

“เอาๆๆ” ตอบกลับพลางควานหาโทรศัพท์ที่เก็บไว้ในกางเกงเจเจจนวุ่น

 

แล้วยื่นส่งให้คนตัวเล็กที่ยืนหน้าแดงอยู่ตรงหน้า มือเล็กนั่นยกขึ้นมารับ ก่อนจะกดนู่นนี่กับจอโทรศัพท์หลายนาทีก่อนจะส่งกลับมาให้

 

“กลับไปหาเพื่อนละ”

 

“เดี๋ยวดิเธอ”

 

“อะไรอีก”

 

“เธอชื่ออะไรอ่ะ?”

 

“มีไลน์ก็ไลน์มาถาม” จะผิดมั้ยถ้าจางจุนคนนี้จะคิดว่าคนตัวเล็กตรงหน้านี้อ่อยเขา

 

 

 

เราเจอกันครั้งที่ห้าที่ไม่ใช่ความบังเอิญแต่เป็นการนัดเจอ

 

โดยปกติแล้วการนัดเจอกันของวัยรุ่นที่กำลังคุยกันจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ที่โรงหนัง

 

ใช่ ผมนัดเขามาดูหนัง นัดมาหลังจากที่เราคุยกันทางไลน์ได้ห้ากว่าเดือน โดยหนังที่เราตกลงเลือกกันเป็นหนังโรแมนติก ที่ผมไม่ชอบเลยสักนิด และดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ชอบเหมือนกัน ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นพากันหลับในโรงให้หนังดู

 

หลังจากออกจากโรงหนังเราก็ไปหาอะไรกินกัน เถียงกันอยู่นานระหว่างเคเอฟซีกับแมค สุดท้ายก็มาจบที่ร้านอาหารร้านเดิมที่เราเจอกันในครั้งที่สาม

 

“ดงฮยอน”

 

“ว่า”

 

“กลับบ้านยังไงอ่ะ?” ผมเอ่ยถามคนตรงข้าม

 

“นั่งบีทีเอส”

 

“ไปส่งปะ?”

 

“ว่างหรอ บ้านคนละทาง”

 

“ก็เป็นห่วง เดี๋ยวโดนฉุดไปทำไงอ่ะ”

 

“ก็ต่อยคนที่ฉุดดิ”

 

“แล้วถ้าคนที่ฉุดมันตัวใหญ่เหมือนนักกล้ามล่ะ”

 

“ก็ร้องให้คนช่วยไง”

 

“แล้วถ้าไม่มีคนได้ยินล่ะ”

 

“โอ้ย พี่ก็พูดไปเรื่อยเลยว่ะ ผู้ชายนะใครจะมาฉุด”

 

“ไม่แน่หรอก โจรเดี๋ยวนี้เลือกที่ไหน”

 

“อย่าทำให้หวั่นดิ”

 

“เพราะงั้นให้พี่ไปส่งเนาะ จะได้ปลอดภัยหายห่วง”

 

“ถ้าสะดวกก็แล้วแต่”

 

 

6.

 

ตอนนี้ผมอยู่ปีสอง ส่วนเขาเรียนอยู่ปีหนึ่ง

 

เราคุยกันได้ปีกว่าๆ และคบกันตั้งแต่ก่อนเขาจะขึ้นปีหนึ่งไม่กี่วัน ถ้านับเวลาก็ เกือบปีแล้วล่ะ

 

ตอนนี่เจ้าเด็กที่ต่อยจนฟันเกือบโยกในวันนั้นสูงขึ้นจนเกือบตัวเท่าดับเขาแต่ก็ยังตัวเล็กกว่าอยู่ดี แถมยังผอมเหมือนเดิมทั้งๆที่เขาพยายามขุนให้เจ้าตัวมีน้ำมีนวลขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ยังดีที่ออกแก้มมาบ้าง

 

“จางจุน”

 

“ว่าไงคะ?” ผมมองตามคนตัวเล็กที่เดินเอื่อยๆมาทิ้งตัวลงนั่งตัก หัวกลมทิ้งลงกับบ่า ก่อนจะเอียงหน้าแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอจนขนลุก

 

“เหนื่อย”

 

“รับน้องก็แบบนี้แหละ”

 

“ฮือ ไม่ไหว” เสียงเล็กบ่นพึมพัม หัวก็ส่ายถูไปมากับซอกคอจนต้องรีบดันตัวอีกคนออก

 

“งอแงจังเลยค่ะ”

 

“..”

 

“อ้อนพี่ด้วย”

 

“เหนื่อย” คนตัวเล็กโถมตัวใส่จนหงายท้องลงไปนอนกับพื้นเตียง ร่างเล็กเขยิบขึ้นมานอนเกยบนอก ก่อนจะซุกหน้าลงที่อกด้านซ้ายแล้วส่ายหน้าไปมา

 

“ใจเต้นแรงจัง”

 

“ก็ตัวเล็กอ้อนพี่”

 

“ชอบให้อ้อนหรอ”

 

“ใช่ค่ะ เราอ้อนแล้วน่ารักพี่ชอบ”

 

“งั้นจะพยายามอ้อนบ่อยๆนะ” จบประโยคหัวกลมก็เงยขึ้น เขยิบตัวขึ้นมาจุ๊บที่ปลายคางก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทั้งๆที่ยังนอนอยู่บนตัว

 

อยากจะตะโกนอวดทุกคนว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่มีแฟนน่ารักขนาดนี้ แต่ก็กลัวทุกคนจะอิจฉาเพราะฉะนั้นเรารู้กันแค่นี้ก็พอ เนาะ

 

 

FIN

 

GLUTTONY – ทูพัค

title : GLUTTONY (7SINS)

couple : Park Jihoon x Park Woojin

rate : PG – 18

note : ติได้นะคะ ทั้งในเด็กดีและในแท็ก #19ชอพอจ เลยค่ะ .///.

 

 

 

 

“ฮึก ย..อย่าแกล้ง” เสียงทุ้มที่เคยแหลมแต่บัดนี้กลับต่ำลงอย่างเซ็กซี่ พัคจีฮุนมองร่างคนข้างใต้ ก่อนจะเลียริมฝีปากแล้วก้มลงบดจูบริมฝีปากแดงเจ่อ

 

อูจินเปลือยทั้งตัว ในขณะที่จีฮุนเสื้อผ้ายังอยู่บนตัวครบทุกชิ้น

 

ผละริมฝีปากออกก่อนจะถดตัวลงไปที่ยอดอกที่ตั้งชันไปด้วยอารมณ์ ก้มลงละเลงลิ้น ดูดดึงและขบกัดจนคนข้างใต้แอ่นตัวขึ้นมา

 

“จ—จีฮุน อึก” ร้องครางอย่างทรมาณเมื่ออีกคนลากลริมฝีปากลงมาที่หน้าท้อง ก่อนจะยกริมฝีปากผ่านส่วนกลางลำตัวไปที่ตาตุ่มที่ถูกอีกคนจับขาพาดบ่าไว้ ริมฝีปากร้อนพรมจูบจากข้อเท้าเล็ก ขึ้นมายันเรียวขาด้านใน ขบเม้มและดูดดึงสร้างรอยแล้วก็ผละตัวออกไป

 

โดยที่ไม่แตะส่วนกลางลำตัวของคนที่นอนหอบอยู่เลยสักนิด

 

“อย่าแกล้งดิ” ถ้าไม่ติดว่าข้อมือถูกมัด พัคอูจินคงจะใช้มือของตัวเองมาปรนเปรอจนถึงปลายทางไปแล้ว

 

“รอแปปนะ จำได้ว่าเมื่อวานซื้อเค้กมา อยากกินเค้กพอดี” อูจินอ้าปากค้าง มองอีกคนที่ผละออกจากห้องไปดื้อๆ ก่นด่าในใจก่อนจะหุบขาเข้าหากัน พยายามใช้ต้นขาเสียดสีกับส่วนกลางลำตัวเพื่อช่วยให้ปลดปล่อย แต่ยังไม่ทันไร เรียงขาก็ถูกแยกออกโดยมือหนาของคนที่พึ่งเดินออกห้องไปเมื่อกี้

 

“นี่!”

 

“จุ๊ๆ อย่าพึ่งโวยวาย” นิ้วเรียวแตะเข้าที่ริมฝีปาก ก่อนจะยกไปจิ้มปาดเนื้อครีมแล้วป้ายลงบนซอกคอคนที่นอนอยู่ ความเย็นของเนื้อครีมที่พึ่งถูกนำออกมาจากตู้เย็นทำให้พัคอูจินขนลุก เผลอร้องครางออกมาจนได้ใจ

 

จากใช้นิ้วชี้นิ้วเดียวก็กลายเป็นนิ้วทั้งห้าที่ปาดกำทั้งครีมแล้วเนื้อเค้กมาป้ายละเลงไปทั่วตัวคนที่นอนอยู่ และวางก้อนเค้กที่ยังเหลือไว้บนแก่นกายเล็กที่ตั้งชันด้วยแรงอารมณ์

 

“จะเล่นอะไร”

 

“เมื่อวานดูหนังมา เห็นในหนังทำ อยากลองบ้าง” ตอบกลับหน้าตาเฉยแถมยังยกนิ้วไปจ่อที่ริมฝีปากคนด้านลงอีกตังหาก

 

“เลียมือให้หน่อย มันเลอะ” ปากพูดประโยคขอร้องแต่การกระทำกับเป็นการบังคับ ลิ้นเล็กตวัดเลียปลายนิ้วของอีกคน ทั้งเลียทั้งดูดจนจีฮุนครางต่ำ ไม่นาน นิ้วทั้งห้าและฝ่ามือก็สะอาดเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้เล่นอะไรแผลงๆ

 

“เก่งมากอูจิน เอ๊ะ ตัวนายก็เปื้อนนี่นา” เพราะใครล่ะเอาเค้กมาป้ายล่ะ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง อูจินคิดในใจ

 

“เดี๋ยวทำความสะอาดให้นะ เริ่มจาก ตรงนี้ดีมั้ย?” คนด้านล่างเงยเชิดหน้าขึ้นทันทีที่คนด้านบนก้มลงมาตวัดลิ้นเลียครีมเค้กบริเวรหน้าอก ไม่นานครีมเค้กที่เคยมีก็หมดไป

 

“ตรงไหนต่อดี” พัคจีฮุนพูดพลางทำหน้าคิดหนัก ก่อนใบหน้าคมสวยจะเลื่อนขึ้นมาบริเวรซอกคอด้านขวา ซุกไซร้เล็มเลียจนสะอาดก่อนจะย้ายไปอีกข้าง โดยที่ไม่ลืมจะขบเม้มสร้างรอยเอาไว้ให้ดูต่างหน้า

 

ตาเรียวปรือมองตามกลุ่มผมสีน้ำตาสว่างที่เลื่อยต่ำไปบริเวณหน้าท้อง เรียวลิ้นสีชมพูดตวัดลงแอ่งสะดือ ดูดเม้มจนต้องหดเกร็งหน้าท้องด้วยความเสียว ผ่านไปไม่ถึงหน้านาที ครีมที่หน้าท้องก็หายไปหมด เหลือไว้แต่ตรงบริเวณกลางลำตัว

 

“แหม เหลือจุดพีคไว้ด้วย”

 

“อย่ามัวแต่เล่นได้มั้ย”

 

“โหดจัง” จีฮุนเบะปาก ไม่ยอมก้มลงจัดการครีมและเนื้อเค้กเหมือนก่อนหน้านี้จนคนรอได้แต่หงุดหงิด

 

อย่าให้ถึงทีเขาบ้างแล้วกัน

 

“แอบด่าในใจ?”

 

“เออ”

 

“ง่ะเสียใจ” จบประโยคคนที่นั่งทำหน้าเสียใจก็ก้มลงมางับเนื้อเค้กทันที ฟันคมครูดกับส่วนกลางลำตัวเล็กน้อยพอให้ช่วนเสียว พัคอูจินเชิดหน้าขึ้น ร้องครางออกมาอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะได้ยิน ส่วนพัคจีฮุนก็ดูดเลียเน้อครีมที่เปื้อนเปรอะ ก่อนคนถูกปรนเปรอจะปลดปล่อยออกมาเต็มหน้าของอีกฝ่ายในจังหวะที่อีกคนกำลังผละใบหน้าออก

 

“สมน้ำหน้า” จีฮุนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ยกมือขึ้นปาดน้ำสีขุ่นออกก่อนจะนำไปป้ายบริเวรช่องทางอ่อนนุ่มที่เคยเข้าไปสำรวจแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และกดนิ้วเข้าไปที่เดียวสามนิ้วรวดจนอีกคนก่นด่าออกมาเสียงดันแทนที่จะเป็นเสียงคราง

 

“ตาฉันบ้างนะ”

 

 

 

 

 

“อ๊ะ อื้อ เบาๆ”

 

“อืม พัคอูจิน” เสียงครางต่ำจากสองร่างดังก้องไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมคลอกับเสียงเนื้อกระทบกันและเสียงหัวเตียงชนกับกำแพง มือหนาบีบเฟ้นสะโพกอวบ ก่อนจะฟาดอย่างแรงตามแรงอารมณ์

 

“เบาๆ!” อูจินหวีดร้อง แขนก็ยันหน้าท้องอีกคนที่สอดใส่มาไม่ยั้งจนรู้สึกจุก

 

แต่ก็เสียวดี

 

“นี่! เบาไงโว้ย บอกให้บะ—อ๊า” ร้องห้ามปนร้องครางเมื่ออีกคนกระแทกเข้ามาโดนจุดกระสันพอดี ไม่นานคนข้างใต้ก็ปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สี่

 

 

“ปล่อยก่อนอีกละ” จีฮุนพูดพลางเบะปากอย่างน่ารัก แต่ส่วนล่างกระแทกเข้ามาขัดกับใบหน้าที่กำลังแสดง ก่อนจะรู้สึกถึงความอุ่นวาบภายในช่องทางด้านหลัง จีฮุนถอนตัวออก ก่อนจะถอดตัวไปนั่งจ้องมองช่องทางที่บวมแดงจากการร่วมรักที่ค่อนข้างรุนแรงแลหลายรอบ

 

 

“ไหลออกมาเต็มเลยอ่ะ”

 

 

“โรคจิตหรอ ไปนั่งดูทำไม” ขาเรียวหุบเข้าหากัน ปากก็เอ่ยด่าคนที่ยังจ้องมองแม้จะหุบขาปกปิดแล้วก็ตาม

 

 

“ก็ชอบดู”

 

 

“โรคจิต” เอ่ยด่าอีกรอบก่อนจะผลิกตัวหนีอีกคน มือก็ยื่นไปหมายจะหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวแต่ก็ต้องร้องออกมาดว้ยความงงเมื่ออีกคนชิงจับผ้าห่มโยนทิ้งไปต่อหน้าต่อตา

 

 

“อะไรอีก จะนอนแล้ว เหนื่อย”

 

 

“ห้ะ”

 

 

“ขอ..อีกดิ” ถึงจะปฏิเสธไปยังไงก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี พัคอูจินครางจนเสียงแหบแห้ง ในขณะที่อีกคนยังสอดใส่เข้ามาไม่หยุดหย่อนเหมือนไปอดยากมาจากไหน ตะกละและมูมมามเหมือนนิสัยการกินไม่มีผิด

 

 

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พัคจีฮุนจะพอใจ อาจจะเป็นเที่ยงคืนของคืนนี้ หรือรุ่งเช้าของอีกวัน  พัคอูจินก็ไม่สามารถจะรู้ได้

LUST #ทูจิน

title : LUST (7SINS)

couple : Bae Jinyoung x Park Woojin

rate : PG – 18

note : แต่งแบบจัดเต็มครั้งแรกค่ะ นี่เต็มสุดแล้ว 55555 (กลับไปเม้นไปติได้ที่ทั้งเด็กดีและ #19ชอพอจ ในทวิตนะคะ)

 

 

 

จินยองยกยิ้ม ก่อนจะดันตัวหลานชายให้เอนตัวลงไปกับเตียงนุ่มแล้วตามขึ้นไปคร่อมทับ ยกมือซ้ายขึ้นแนบแก้มหลานก่อนจะใช้นิ้มหัวแม่มือเกลี่ยที่แก้มอูมเบาๆก่อนจะก้มลงบดเบียดริมฝีปากลงไปกับอวัยวะเดี๋ยวกันของคนที่อยู่ข้างใต้ หลานตัวเล็กหลับตาปี๋ ปิดปากแน่นอย่างคนไม่เคย คนแก่กว่าขยับดูดดึงริมฝีปากอิ่มอย่างใจเย็น นิ้วหัวแม่มือยังคงประคองลูบที่ข้างแก้ม ส่วนมืออีกข้างก็ค่อยๆสอดเข้าไปในเสื้อยืดย้วยๆตัวเก่งของอีกคน ลากปลายนิ้วผ่านหน้าท้องที่เป็นลอนน้อยๆ ขึ้นไปจนถึงยอดอก ก่อนจะเขี่ยเบาๆ

 

หลานตัวเล็กอ้าปากคราง เปิดโอกาสให้คนเป็นอาได้สอดลิ้นเข้าไปสำรวจภายใน อูจินครางฮื่อ มือก็กำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อคนเป็นอาลากลิ้นผ่านฟันเขี้ยวที่ภูมิใจนักหนา

 

จินยองผละออกมาเมื่อหลานตัวเล็กเริ่มหายใจติดขัด รออีกประมาณหนึ่งนาทีจนหลานตัวเล็กหายปกติ

 

“เราต้องเกี่ยวลิ้นอาตอบนะเด็กดี” พร่ำสอนทั้งๆที่ปลายจมูกชนกันทำให้ริมฝีปากปัดผ่านกัน คนเด็กกว่าพยักหน้าเบาๆ เผยอปากออกอย่างรู้งานเมื่อคนเป็นอากดริมฝีปากลงมาใหม่ ขยับลิ้นตอบอย่างเงอะๆงะๆอย่างคนไม่เคย ก่อนจะครางออกมาเบาๆเมื่อคนแก่กว่ากัดปลายลิ้นเบาๆและผละออก โกยที่ก้มลงมาดูดซับน้ำใสที่เคลือบริมฝีปากอีกครั้งดังจ๊วบ

 

“เก่งมากเด็กดี” มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมสีดำ อูจินค่อยๆหลับตาลง ก่อนจะลืมขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นร้อนบริเวณเปลือกตา

 

“เรามาเริ่มกันเลยไหม?”

 

“เรายังไม่เริ่มกันอีกหรอครับ?”

 

“ยัง ยังไม่เริ่มเลยสักนิด”

 

 

 

 

 

“ฮึก” มือเล็กจิกเข้าที่ไหล่ของคนแก่กว่า เงยเชิดหน้าขึ้นสูง เมื่ออีกคนออกแรงกดตัวให้กลืนกินแก่นกายตน

 

“ผ่อนคลายครับเด็กดี ไม่งั้นจะเจ็บนะ” กัดริมฝีปากก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่กว้าง ส่ายหน้าเช็ดน้ำตากับไหล่อีกคน พยายาหายใจเข้าออกเพื่อผ่อนคลายตามที่อีกคนบอก

 

“นั่นแหละ แบบนั้นแหละ เก่งมาก” เอ่ยชมข้างใบหูก่อนจะกดจูบจนหลานตัวเล็กรู้สึกจั๊กจี้หดคอหนี

 

นั่งแช่กันอยู่ในท่าที่แบจินยองนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างล่างแล้วพัคอูจินนั่งเอาขาแนบข้างเอวสอบไว้ นั่งอยู่ท่านั้นนานนับนาทีเพื่อรอให้หลานตัวเล็กคุ้นชินกับสิ่งไม่เคย

 

ทั้งๆที่ในใจอยากจะกระแทกตัวเข้าไปจะแย่แล้ว

 

“ขยับได้แล้วครับ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ก่อนมือหนาจะจับยกสะโพกคนเด็กกว่ายกขึ้นลงเป็นการสอนและผละมือออกเมื่อหลานตัวเล็กเริ่มขยับเอง

 

พัคอูจินเชิดหน้าขึ้น ครางร้องออกมาอย่างสุขสม เอวก็ขยับขึ้นลงสลับกับร่อนไปมาตามสัญชาตญาณจนคนเป็นอาได้แต่กัดฟันแน่น

 

พัคอูจินกำลังทำให้แบจินยองคลั่ง…คลั่งในความไม่ประสีประสา

 

“อ๊ะ อึก” ร้องครางออกมาด้วยความตกใจเมื่อคนที่นั่งอยู่ด้านล่างยกส่วนสะโพกขึ้นมาพอดีกับที่กดตัวลง ขยับต่ออีกสองสามทีก็กรีดร้องพร้อมปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะเต็มหน้าขาตัวเองและหน้าท้องอีกคน มือหนาของคนเป็นอาแตะเข้าที่ข้างเอวก่อนจะออกแรงยกตัวหลานตัวเล็กออกไปนั่งพื้นเตียงตรงข้างหน้า

 

“อมสิ”

 

“ครับ?”

 

“อมของอา แล้วทำเหมือนกินไอติม” อาหนุ่มไม่พูดกล่าวอะไรมาก ออกแรงกดให้หัวลงก้มลงไปใกล้กับส่วนกลางลำตัวข้างตนก่อนจะนำแท่งร้อนไปจ่อถูกับริมฝีปากอิ่ม หลานตัวเล็กอ้าปาก ก่อนจะรับแท่งร้อนเข้าไปเพียงส่วนหัว ใช้มือทั้งสองข้างมากอบกุมก่อนจะขยับรูดให้สัมพันธ์กับริมฝีปากที่ขยับดูดส่วนหัว

 

“เลียมันสิเด็กดี เลียเหมือนตอนกินไปติม”

 

“อื้อๆ” ร้องท้วงในลำคอเมื่อมือหนากดหัวให้รับเอาแท่งร้อนเข้าปากมาขึ้น ขยับหัวขึ้นลง ลงลิ้นตรงส่วนปลายก่อนจะดูดเม้มเล็กน้อย

 

“อ่า แบบนั้นแหละ เก่งมาก” ยิ่งได้ยินคำชมยิ่งได้ใจ หลานตัวเล็กขยับผงกหัวเร็วขึ้น ปลายลิ้นก็ละเลงที่ปลายหัวบานจนคนเป็นอาครางออกมาพร้อมเอ่ยชมไม่หยุด

 

“แค่กๆ” สำลักออกมาเมื่อคนแก่กว่าปลดปล่อย มือหนาลูบหัวเล็กอย่างปลอบประโลมก่อนจะออกแรงดันให้เข้ามาประกบริมฝีปากอีกรอบ

 

“ทำท่าเหมือนหมาหน่อยครับเด็กดี”

 

“แบบนี้หรอครับ?” ขยับเปลี่ยนท่าให้คนเป็นอาดู เข่าเล็กตั้งกับพื้น สองแขนก็ค้ำยันกับพื้นเตียงไว้

 

“นั่นแหละ เก่งมาก อากำลังจะเข้าไปแล้วนะครับ” จบประโยคคนแก่กว่าก็สอดใส่เข้ามาทันทีก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกด้วยความเร็วตั้งแต่เริ่ม พัคอูจินกรีดร้องออกมาเสียงดัง แขนสองข้างอ่อนแรงขึ้นมาจนต้องฟุ่บตัวลงกับหมอน

 

จินยองสอนหลานตัวเล็กไปหลายรอบจนตีสามของอีกวัน ผ้าปูที่นอนที่เคยแห้งสนิทแต่บัดนี้ชื้นแฉะไปด้วยน้ำกาม รวมถึงหลานตัวน้อยที่เคยร้องคราง

 

พัคอูจินหลับไปแล้ว.. เหลือแต่เขาที่ยังขยับตัวอยู่ภายในตัวอีกคน แบจินยองครางออกมาอีกรอบ ก่อนจะปลดปล่อยเข้าไปในตัวของหลานตัวเล็กที่หลับไปรู้เรื่องรู้ราว อีกครั้ง และอีกครั้งจนรุ่งเช้า