จางจุนโยธา

title : จางจุนโยธา

couple : Lee Jangjun x Kim Donghyun

rate : PG –

note : เราไม่ได้วางไทม์ไลน์ไว้ตายตัวมันก็เลยจะออกมางงๆหน่อยๆนะคะ ขออภัยมา ณ ที่นี้ T_T

 

 

 

1.

 

เราเจอกันครั้งแรกตอนผมอยู่มอห้าและเขาอยู่มอสี่

 

ตอนนั้นผมไปเดินเล่นที่ห้างหลังเลิกเรียนกับเพื่อนในกลุ่ม จำได้แม่นว่าการเจอกันครั้งแรกของเราไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่นัก แต่ผมดันจำมันได้ขึ้นใจนี่สิ

 

เด็กผู้ชายกางเกงน้ำเงินที่ดูแค่สีกางเกงก็รู้ว่าต่างโรงเรียนกัน ใบหน้าน่ารักนั่นที่สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ขนาดตัวที่ไม่สูงแต่ก็ไม่ได้ดูเตี้ยแต่ก็เตี้ยที่สุดในกลุ่ม ร่างกายผอมๆที่ถ้าไปเดินในที่ที่ลมแรงๆน่าจะปลิวได้ง่ายๆ

 

ด้วยความที่ถูกใจตั้งแต่แรกเห็นเลยนึกคิดอยากจะแซ็ว แต่ใครจะไปคิดว่าตัวเล็กๆแบบนั้นจะต่อยเจ็บขนาดฟันเกือบโยก

 

“เธอๆ คนตรงกลางอ่ะ ขอเบอร์ได้ป่าว” เอ่ยแซ็วคนตัวเล็กที่เดินหัวเราะกับเพื่อนพลางผิวปาก เป้าหมายหยุดหัวเราะก่อนจะหันมามองงงๆ

 

“เบอร์รองเท้าหรอ”

 

“หมายถึงเบอร์โทรศัพท์”

 

“ตลกละ ชอบผู้หญิง” คนตัวเล็กร้องเหอะ ตอบกลับมาพลางหันไปสะกิดเพื่อนแล้วเอ่ยบอกให้รีบเดินเร็วๆ เขารีบสไลด์ตัวไปดัก เอียงคอมองคนตัวเล็กกว่ายิ้มๆก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้อีกคนกำหมัดแน่น

 

“ชอบผู้หญิงเหมือนกันแต่เธอน่ารักอ่ะอยากได้เป็นแฟน” และหลังจากนั้นแขนเล็กๆนั่นก็ประทานหมัดให้หนึ่งหมัดแบบจัดเต็ม ไม่มีใครตั้งตัวแม้กระทั่งตัวผมเอง แต่ดีที่เซไปแล้วเพื่อนรับทันไม่งั้นคงหัวฟาดพื้นเป็นผีเฝ้าห้าง

 

 

 

เราเจอกันครั้งที่สองตอนไปงานโอเพ่นเฮ้าส์ของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง

 

ถ้าจำไม่ผิดนับตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรกก็เกือบหกเดือน ผมเดินตรงไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่อยากเข้า กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ก่อนจะสะดุดกับใครบ้างคนที่ลืมไม่ลง

 

เขายังเหมือนเดิมแต่ที่แปลกตาหน่อยๆเพราะผมที่ยาวจนปิดตานั่นเพราะเป็นช่วงปิดเทอม

 

ผมหันไปบอกเพื่อนว่าจะไปห้องน้ำ ก่อนจะแยกตัวออกไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่คนเดียว

 

“ไง”

 

“เห้ย” คนโดนทักสะดุ้ง กระโดดถอยห่างไปหนึ่งก้าว ดวงตาตี่นั่นมองมาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

 

“ตกใจหรอ”

 

“เออ ก็มาเงียบๆอย่างกะผี”

 

“ผีอะไรจะหล่อแบบนี้” คนตัวเล็กเบ้หน้า ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมองตั้งแต่หัวยันเท้า

 

“มั่นหน้าเนาะ”

 

“ก็หล่อจริงอ่ะนะ”

 

“จะอ้วก”

 

“เราเจอกันสองครั้งแล้วนะ จะให้เบอร์ได้ยังอ่ะ”

 

“บอกว่าชอบผู้หญิง” คนตัวเล็กเริ่มพูดด้วยความหงุดหงิด

 

“ก็เราชอบเธอ”

 

“เห้ย อย่ามาจับ” คนตัวเล็กร้องโวยวายออกมาทันทีที่โดนเขาจับแขน ใบหน้าน่ารักนั่นบูดเบี้ยวด้วยความอารมณ์เสีย แขนเล็กก็บิดไปมาหวังจะให้แขนตัวเองหลุดออก

 

“เอะอะก็จะต่อยกันอย่างเดียวเลย”

 

“ยุ่ง”

 

“ถ้าเจอกันครั้งหน้าเธอจะต่อยเราอีกเราจะจูบเธอ”

 

“ฟ้าผ่าอ่ะดิ!”

 

“ไม่ลองไม่รู้” แกล้งก้มหน้าเข้าไปใกล้จนอีกคนต้องหดคอหนี

 

น่ารักจริงๆเลยนะ

 

 

 

เราเจอกันครั้งที่สามที่ร้านอาหารในห้าง

 

ตอนนั้นผมกำลังกินข้าวอยู่คนเดียว แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยรอคิวอยู่หน้าร้าน เลยบอกพนักงานว่าให้คนตัวเล็กคนนั้นมานั่งด้วย ซึ่งพนักงานก็ไม่อิดออด ยอมเดินไปเชิญคนตัวเล็กที่ดูงงๆให้มานั่งด้วย

 

“ไง ครั้งที่สามแล้วนะ” เอ่ยทักทันทีที่อีกคนหย่อนตัวลงนั่ง ใบหน้าน่ารักนั่นมุ่ยลงยิ่งกว่าเดิม ไม่ตอบอะไรกลับมาแต่หันไปสั่งอาหารแทน

 

“จะไม่ขอบใจหน่อยหรอที่ให้มานั่งด้วยอ่ะ”

 

“ขอบพระคุณนะครับ เป็นพระคุณม๊ากมาก” คนตัวเล็กพูดพลางยิ้มจนตาหยี ก่อนจะกลับไปทำหน้ามุ่ยเหมือนเดิมทันทีที่จบประโยค

 

ให้ตายเหอะ ยิ้มน่ารักเป็นบ้า

 

“จะให้เบอร์ได้ยังอ่ะ”

 

“ไม่”

 

“เราเจอกันสามครั้งแล้วนะ”

 

“แล้ว?”

 

“ให้เบอร์ได้แล้ว”

 

“เจอพนักงานร้านนี้มาเป็นสิบรอบแล้วยังไม่เคยให้เบอร์เลย”

 

“ไม่ใช่แบบนั้นดิ เราขอเบอร์เพราะเราชอบเธอไง”

 

“เพราะชอบไงเลยไม่ให้”

 

“ใจร้ายจัง” คนตัวเล็กไหวไหล่ ก่อนจะยิ้มออกมาทันทีที่อาหารมาเสริฟ ริมฝีปากเล็กแย้มยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะตักอาหารตรงหน้าเข้าปากด้วยความสุขจนคนแอบมองอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป

 

แชะ

 

เวร ลืมปิดเสียง

 

“แอบถ่ายอ๋อ?”

 

“เปล่า เซลฟี่ นี่ไง” เปลี่ยนกล้องเป็นกล้องหน้าด้วยความรวดเร็วก่อนจะหันกล้องไปให้อีกคนดู

 

“แล้วไป”

 

 

4.

 

เราเจอกันครั้งที่สี่ตอนไปทะเลหลังสอบปลายภาคเทอมแรกของมอหกเสร็จ

 

เขายังดูเหมือนเดิม เหมือนชาตินี้จะไม่โตแล้วด้วยซ้ำ ผมเอ่ยบอกกับเพื่อนทันทีที่มองเห็นอีกคนเดินเล่นอยู่ริมหาด ก่อนจะผละตัววิ่งตรงไปทันทีโดยที่เพื่อนยังนั่งสงสัยกันไม่หายว่าใครคือคนรู้จักของผม

 

“ไง” เอ่ยทักทันทีที่วิ่งจนมาถึงตัวอีกคน คนตัวเล็กหันมามองด้วยท่าทางตกใจ ก่อนจะเบ้หน้าออกมาทันทีที่รู้ว่าใครเรียก

 

“เจอกันครั้งที่สี่แล้วนะ”

 

“จะบอกว่าบังเอิญ?”

 

“พรหมลิขิตตังหาก”

 

“น้ำเน่าว่ะ” คนตัวเล็กกว่าทำหน้าปุเลี่ยน

 

“แล้วจะให้เบอร์ได้ยังอ่ะ?”

 

“ไม่”

 

“ใจร้ายจัง”

 

“เอาไอดีไลน์แทนได้ปะ?”

 

“หือ?” ร้องออกมาด้วยความงง ตาก็มองจ้องคนตัวเล็กที่แกล้งตีหน้ามึนแต่แก้มสองข้างกลับแดงปลั่งจนเห็นได้ชัด

 

ใจเต้นเลย โคตรน่ารัก

 

“จะเอามั้ย?”

 

“เอาๆๆ” ตอบกลับพลางควานหาโทรศัพท์ที่เก็บไว้ในกางเกงเจเจจนวุ่น

 

แล้วยื่นส่งให้คนตัวเล็กที่ยืนหน้าแดงอยู่ตรงหน้า มือเล็กนั่นยกขึ้นมารับ ก่อนจะกดนู่นนี่กับจอโทรศัพท์หลายนาทีก่อนจะส่งกลับมาให้

 

“กลับไปหาเพื่อนละ”

 

“เดี๋ยวดิเธอ”

 

“อะไรอีก”

 

“เธอชื่ออะไรอ่ะ?”

 

“มีไลน์ก็ไลน์มาถาม” จะผิดมั้ยถ้าจางจุนคนนี้จะคิดว่าคนตัวเล็กตรงหน้านี้อ่อยเขา

 

 

 

เราเจอกันครั้งที่ห้าที่ไม่ใช่ความบังเอิญแต่เป็นการนัดเจอ

 

โดยปกติแล้วการนัดเจอกันของวัยรุ่นที่กำลังคุยกันจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ที่โรงหนัง

 

ใช่ ผมนัดเขามาดูหนัง นัดมาหลังจากที่เราคุยกันทางไลน์ได้ห้ากว่าเดือน โดยหนังที่เราตกลงเลือกกันเป็นหนังโรแมนติก ที่ผมไม่ชอบเลยสักนิด และดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ชอบเหมือนกัน ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นพากันหลับในโรงให้หนังดู

 

หลังจากออกจากโรงหนังเราก็ไปหาอะไรกินกัน เถียงกันอยู่นานระหว่างเคเอฟซีกับแมค สุดท้ายก็มาจบที่ร้านอาหารร้านเดิมที่เราเจอกันในครั้งที่สาม

 

“ดงฮยอน”

 

“ว่า”

 

“กลับบ้านยังไงอ่ะ?” ผมเอ่ยถามคนตรงข้าม

 

“นั่งบีทีเอส”

 

“ไปส่งปะ?”

 

“ว่างหรอ บ้านคนละทาง”

 

“ก็เป็นห่วง เดี๋ยวโดนฉุดไปทำไงอ่ะ”

 

“ก็ต่อยคนที่ฉุดดิ”

 

“แล้วถ้าคนที่ฉุดมันตัวใหญ่เหมือนนักกล้ามล่ะ”

 

“ก็ร้องให้คนช่วยไง”

 

“แล้วถ้าไม่มีคนได้ยินล่ะ”

 

“โอ้ย พี่ก็พูดไปเรื่อยเลยว่ะ ผู้ชายนะใครจะมาฉุด”

 

“ไม่แน่หรอก โจรเดี๋ยวนี้เลือกที่ไหน”

 

“อย่าทำให้หวั่นดิ”

 

“เพราะงั้นให้พี่ไปส่งเนาะ จะได้ปลอดภัยหายห่วง”

 

“ถ้าสะดวกก็แล้วแต่”

 

 

6.

 

ตอนนี้ผมอยู่ปีสอง ส่วนเขาเรียนอยู่ปีหนึ่ง

 

เราคุยกันได้ปีกว่าๆ และคบกันตั้งแต่ก่อนเขาจะขึ้นปีหนึ่งไม่กี่วัน ถ้านับเวลาก็ เกือบปีแล้วล่ะ

 

ตอนนี่เจ้าเด็กที่ต่อยจนฟันเกือบโยกในวันนั้นสูงขึ้นจนเกือบตัวเท่าดับเขาแต่ก็ยังตัวเล็กกว่าอยู่ดี แถมยังผอมเหมือนเดิมทั้งๆที่เขาพยายามขุนให้เจ้าตัวมีน้ำมีนวลขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ยังดีที่ออกแก้มมาบ้าง

 

“จางจุน”

 

“ว่าไงคะ?” ผมมองตามคนตัวเล็กที่เดินเอื่อยๆมาทิ้งตัวลงนั่งตัก หัวกลมทิ้งลงกับบ่า ก่อนจะเอียงหน้าแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอจนขนลุก

 

“เหนื่อย”

 

“รับน้องก็แบบนี้แหละ”

 

“ฮือ ไม่ไหว” เสียงเล็กบ่นพึมพัม หัวก็ส่ายถูไปมากับซอกคอจนต้องรีบดันตัวอีกคนออก

 

“งอแงจังเลยค่ะ”

 

“..”

 

“อ้อนพี่ด้วย”

 

“เหนื่อย” คนตัวเล็กโถมตัวใส่จนหงายท้องลงไปนอนกับพื้นเตียง ร่างเล็กเขยิบขึ้นมานอนเกยบนอก ก่อนจะซุกหน้าลงที่อกด้านซ้ายแล้วส่ายหน้าไปมา

 

“ใจเต้นแรงจัง”

 

“ก็ตัวเล็กอ้อนพี่”

 

“ชอบให้อ้อนหรอ”

 

“ใช่ค่ะ เราอ้อนแล้วน่ารักพี่ชอบ”

 

“งั้นจะพยายามอ้อนบ่อยๆนะ” จบประโยคหัวกลมก็เงยขึ้น เขยิบตัวขึ้นมาจุ๊บที่ปลายคางก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทั้งๆที่ยังนอนอยู่บนตัว

 

อยากจะตะโกนอวดทุกคนว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่มีแฟนน่ารักขนาดนี้ แต่ก็กลัวทุกคนจะอิจฉาเพราะฉะนั้นเรารู้กันแค่นี้ก็พอ เนาะ

 

 

FIN

 

Leave a comment